“SCB EIC” คาดส่งออกไทยปี 68 ร่วง -0.4% เหตุสงครามการค้ากระทบหนัก

28 เมษายน 2568
“SCB EIC” คาดส่งออกไทยปี 68 ร่วง -0.4% เหตุสงครามการค้ากระทบหนัก

“SCB EIC” คาดส่งออกไทยปี 68 ร่วง -0.4% เหตุสงครามการค้ากระทบหนัก

SCB EIC คาดส่งออกไทยปี 68 ร่วงติดลบ 0.4% เหตุสงครามการค้ากระทบหนัก ขณะที่ครึ่งปีหลังจะมีแรงกดดันและความไม่แน่นอนที่รุนแรงมากขึ้น

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB EIC) เปิดเผยว่ามูลค่าส่งออกไทยในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 จะขยายตัวดี โดยตัวเลขมูลค่าการส่งออกไตรมาส 1 ขยายตัวมากถึง 15.2% ส่วนไตรมาส 2 คาดว่าจะชะลอตัวลงมาก เพราะหลายแรงส่งสำคัญจะแผ่วลง โดยเฉพาะการเร่งสั่งซื้อของคู่ค้า ก่อนนโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ จะเริ่มมีผล อานิสงส์วัฏจักรสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น และปัจจัยการส่งออกทองคำ รวมถึงปัจจัยการส่งออกทองคำผสมโลหะอื่นไปอินเดีย

โดยการส่งออกช่วงปลายไตรมาส 2 จะเริ่มได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เนื่องจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เริ่มเก็บภาษีนำเข้าขั้นต่ำเพิ่มขึ้น 10% (Universal tariff) กับเกือบทุกประเทศคู่ค้าทั่วโลกตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย.ที่ผ่านมาแล้ว

รวมถึงประกาศเก็บสินค้าเฉพาะเจาะจง (Specific tariffs) รายประเทศ/รายสินค้าหลายรายการ เช่น สินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม สินค้ายานยนต์ เก็บเพิ่ม 25% จากคู่ค้าเกือบทุกประเทศ

อย่างไรก็ตาม แม้ประธานาธิบดีทรัมป์ จะประกาศเลื่อนกำหนดเก็บภาษีตอบโต้รายประเทศ (Reciprocal tariffs) ออกไป 90 วัน แต่จีนซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกที่สำคัญสุดของไทย ก็ถูกสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ไปสูงมากถึง 125% และหากรวมภาษีเฉพาะเจาะจงรายประเทศ 20% บนข้อกล่าวหา Fentanly จีนจะถูกเก็บภาษีตอบโต้รวมสูงถึง 145%)

SCB EIC ประเมินว่าการส่งออกไทยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ จะเผชิญปัจจัยกดดันและความไม่แน่นอนที่รุนแรงมากขึ้น มูลค่าการส่งออกในช่วงครึ่งหลังของปีจะหดตัวรุนแรง โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้าย ส่งผลให้มูลค่าการส่งออกทั้งปีเสี่ยงหดตัวเหลือ -0.4% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.6% จากตัวเลขระบบดุลการชำระเงิน ,มุมมองมี.ค.68 โดยมีสาเหตุหลัก ประกอบด้วย

  1. อัตราภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal tariff) ของสหรัฐฯ สูงและกระทบเป็นวงกว้างกว่าที่เคยคาดไว้ ในช่วงต้นปี SCB EIC ประเมินว่านโยบายกีดกันการค้าของสหรัฐฯ จะไม่สุดโต่งมากนัก อัตราภาษีนำเข้าตอบโต้ของสหรัฐฯ อาจจะไม่สูงมาก และมีแนวโน้มส่งผลกระทบอย่างจำกัด โดยอัตราภาษีนำเข้าที่แท้จริง (Effective Tariff Rate : ETR) ของสหรัฐฯ อาจเพิ่มขึ้นราว 11.3% อย่างไรก็ดี หากสหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าทั้งหมดที่ประกาศไว้ จะมีผลทำให้ ETR ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นมากกว่า 20% สูงกว่าที่ประเมินไว้เกือบเท่าตัว
  2. นโยบายภาษีตอบโต้ของทรัมป์ จะกดดันให้เศรษฐกิจโลกและการค้าโลก มีแนวโน้มชะลอตัวลงมาก SCB EIC ประเมินว่าเศรษฐกิจโลกปีนี้จะมีแนวโน้มเติบโตเพียง 2.2% (เทียบ 2.7% ในปี 67 และ 2.8% ในปี 66) และโลกมีความเสี่ยงราว 35-50% ที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) นอกจากนี้ ปริมาณการค้าโลกมีแนวโน้มชะลอลงรุนแรงเช่นกัน องค์การการค้าโลก (WTO) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้ปรับลดประมาณการปริมาณการค้าโลกปี 68 ลงจากการประเมินครั้งก่อนเหลือ -0.2% และ 1.7% (เดิม 2.7% และ 3.2%)
  1. ไทยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบทางตรงสูง เนื่องจากพึ่งตลาดสหรัฐฯ และเสี่ยงอัตราภาษีนำเข้าตอบโต้สูง โดยสหรัฐฯ นับเป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทย คิดเป็นสัดส่วน 18.3% ของการส่งออกไทยทั้งหมดในปี 67 เพิ่มขึ้นมากจาก 12.7% ในปี 62 หรือมีสัดส่วน 10% ของ GDP ซึ่งค่อนข้างสูง

นอกจากนี้ ไทยอาจโดนภาษีนำเข้าตอบโต้จากสหรัฐฯ สูงถึง 36% สูงกว่าอัตราค่าเฉลี่ยทั่วโลก เอเชีย และอาเซียนที่ 17% 23% และ 33% ตามลำดับ การส่งออกไทยจึงมีแนวโน้มได้รับผลกระทบทางตรงสูง ผ่าน 2 ช่องทาง คือ 

1) Substitution effect : สหรัฐฯ เก็บภาษีศุลกากรตอบโต้ไทยสูงถึง 36% ขณะที่ประเทศต่าง ๆ โดนอัตราภาษีน้อยกว่ามาก ส่วนใหญ่ถูกเก็บภาษีเพิ่ม 10% จึงอาจทำให้สหรัฐฯ หันไปนำเข้าสินค้าจากคู่แข่งที่ราคาถูกกว่า

2) Income effect : สหรัฐฯ อาจนำเข้าสินค้าจากไทยและคู่ค้าอื่น ๆ น้อยลง เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอลงมากจากนโยบายกำแพงภาษีของตัวเอง

  1. ผลกระทบทางอ้อมอาจรุนแรงเช่นเดียวกัน เนื่องจากการแข่งขันนอกตลาดสหรัฐฯ อาจรุนแรงขึ้น ทำให้การส่งออกไทยอาจชะลอตัวลงได้ด้วย จาก 1.ความต้องการสินค้าขั้นปลายของไทย ลดลงตามแนวโน้มเศรษฐกิจคู่ค้าชะลอลง โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค 2.ความต้องการสินค้าขั้นต้นและขั้นกลางของไทยในห่วงโซ่การผลิตลดลง จากการผลิตสินค้าส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง 3.การแข่งขันในตลาดส่งออกโลกสูงขึ้น บางประเทศอาจเผชิญปัญหาส่งออกไปตลาดสหรัฐฯ ได้น้อยลง แต่กำลังการผลิตในประเทศยังมีอยู่มาก ต้องระบายสินค้าขายตลาดอื่นมากขึ้น 4.บางประเทศคู่ค้าอาจหันไปนำเข้าจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น เพื่อลดการเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ จึงอาจนำเข้าสินค้าไทยน้อยลง
  1. ตลาดส่งออกหลักอื่นของไทยค่อนข้างกระจุกตัวในประเทศที่อาจถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีตอบโต้สูง โดย SCB EIC พบว่า 12 ใน 15 ตลาดคู่ค้าสำคัญของไทย คิดเป็น 73.4% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดไม่รวมสหรัฐฯ เสี่ยงที่จะถูกกำแพงภาษีสหรัฐฯ สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลกในอัตรา 17% การส่งออกไทยไปยังตลาดหลักอื่น ๆ กลุ่มนี้อาจลดลงตามสภาวะเศรษฐกิจประเทศที่อาจชะลอลงด้วย
  1. ปัจจัยหนุนตั้งแต่ต้นปีจะทยอยหมดลง เช่น การเร่งผลิตและส่งออกก่อนสหรัฐฯ ตั้งกำแพงภาษีจริง อานิสงส์วัฏจักรอิเล็กทรอนิกส์ขาขึ้น ปัจจัยการส่งออกทองคำจากความกังวลในช่วงความไม่แน่นอนนโยบายการค้าสูง และประเด็นพิเศษทองคำผสม

แหล่งที่มา : ฐานเศรษฐกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.